ขั้นตอนเอาตัวรอดจากเพลิงไหม้
29 พฤศจิกายน 2564
ขั้นตอนเอาตัวรอดจากเพลิงไหม้
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุเพลิงไหม้ สิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างนอกจากเปลวไฟที่ร้อนระอุก็คือควันไฟ ที่จะทำให้ท่านหายใจไม่ออก หรือสำลักควันจนหมดสติได้ จนส่งผลให้อพยพหนีออกจากเปลวไฟไม่ทันถ่วงทีครับ
วันนี้เซฟคอร์ฯจึงนำขั้นตอนการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เพลิงไหม้มาฝากทุกท่านครับ เพื่อจะได้มีความรู้ในการเอาตัวรอดในเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัยครับ
ตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก
สิ่งแรกที่สำคัญมากคือสติครับ ท่านต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก และประเมินสถานการณ์ว่าเพลิงไหม้มีความรุนแรงขนาดไหน ต้นเพลิงเกิดจากอะไรครับ
กดสัญญาณเตือนอัคคีภัย
เมื่อพบประกายไฟ เพลิงไหม้ หรือควันไฟ ท่านต้องแจ้งให้คนที่อยู่รอบตัวทราบโดยทั่วกัน และกดสัญญาณเตืออัคคีภัยเพื่อให้คนที่อยู่ภายในอาคารสามารถรับรู้เหตุการณ์ และอพยพได้อย่างทันถ่วงทีครับ
แจ้งหน่วยดับเพลิง
หลังจากที่กดสัญญาณเตือนอัคคีภัย และเตรียมพร้อมอพยพออกจากพื้นที่แล้ว ให้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เบอร์ 199 ทันทีครับ สามารถอ่านข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ใช้อุปกรณ์ดับเพลิง
ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้เพียงเล็กน้อย และประเมินได้ว่าสามารถควบคุมได้ ให้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงควบคุมเพลิงไว้เบื้องต้น แล้วจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาควบคุมเพลิงที่อาจจะยังลงเหลืออยู่ครับ

ใช้ผ้าชุบน้ำปิดบริเวณปาก และจมูกของท่าน
เมื่อจะเริ่มอพยพออกจากพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำปิดบริเวณจมูกและปาก ถ้าหากไม่มีผ้าชุบน้ำท่านสามารถใช้ถุงพลาสติกใสใบใหญ่ ๆ เก็บอากาศบริสุทธิ์มาครอบบริเวณศีรษะ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ท่านสูดควันไฟเข้าไปซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ครับ
อย่าเพิ่งรีบเปิดประตู
หากขณะที่เกิดเพลิงไหม้แล้วตัวท่านเองติดอยู่ในห้อง สิ่งที่ท่านต้องทำคือการใช้มือสัมผัสบริเวณลูกบิดประตูหรือผนังห้อง ถ้าหากไม่รู้สึกถึงความร้อนให้ท่านค่อย ๆ เปิดประตูออกไปช้า ๆ และอพยพตามเส้นทางหนีไฟอย่างมีสติจนสามารถออกนอกอาคารได้อย่างปลอดภัยครับ แต่ถ้าหากว่าเมื่อสัมผัสลูกบิดหรือผนังแล้วท่านสัมผัสได้ถึงความร้อนสูง สิ่งที่ท่านห้ามทำอย่างเด็ดขาดคือการเปิดประตูออกไป เพราะมีโอกาสสูงที่ท่านอาจจะถูกไฟคลอก หรือตกอยู่กลางกองเพลิงได้ครับ ซึ่งอันตรายมาก ๆ ในกรณีนี้สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือการใช้ผ้าชุบน้ำอุดไว้ตามช่องหรือรูที่ควันไฟสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ให้ปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมระบายอากาศ จากนั้นรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ และบอกพิกัดที่ท่านอยู่อย่างชัดเจนครับ
คลานลงกับพื้น
ในกรณีที่ท่านเผชิญกับเพลิงไหม้ในตัวอาคาร ให้ท่านหมอบลงต่ำ ๆ คลานให้ติดกับพื้นมากที่สุด สาเหตุเพราะอากาศบริสุทธิจะลอยตัวอยู่บริเวณต่ำ ส่วนเพลิงและควันจะลอยสูงขึ้นไปบนเพดาน ให้ท่านรีบอพยพไปยังเส้นทางหนีไฟโดยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ห้ามวิ่งนะครับเพราะอาจสะดุดหกล้มจนเกิดการบาดเจ็บหรือร้ายแรงถึงขั้นเหยียบกันตายได้เลยครับ
ห้ามใช้ลิฟท์เด็ดขาด
ห้ามใช้ลิฟท์ขณะเกิดเพลิงไหม้อย่างเด็ดขาด เพราะเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ไฟฟ้าจะถูกตัด ดังนั้นท่านอาจจะติดอยู่ในลิฟท์ไม่สามารถหนีออกมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากครับเพราะว่าช่องทางของลิฟท์มีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นเส้นทางลอยขึ้นของควันและเปลวเพลิง ท่านจึงอาจสำลักควันจนขาดอากาศหายใจหรือถูกไฟคลอกได้ครับ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอาจจะเข้าทำการช่วยเหลือท่านยากมากขึ้น หรือร้ายแรงกว่านั้นคือไม่สามารถระบุพิกัดของท่านได้เลยครับ

ห้ามกลับเข้าไปหยิบสัมภาระ
ขณะที่จะทำการอพยพท่านอาจจะอยากไปเก็บสัมภาระหรือสิ่งของมีค่าของท่านก่อน แต่เปลวเพลิงและควันที่ลุกลามอย่างรวดเร็วอาจจะทำให้คุณไม่สามารถหนีออกมาได้ทันจนอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ครับ
กลิ้งตัวลงกับพื้นเมื่อเสื้อผ้าติดไฟ
ถ้าหากมีไฟลุกลามติดเสื้อผ้าของท่าน ให้รีบถอดเสื้อผ้าออกหรือนอนกลิ้งตัวราบกับพื้นจนไฟดับ แต่ห้ามวิ่งเด็ดขาดนะครับเพราะจะยิ่งทำให้ไฟลุกลามเร็วยิ่งขึ้น
เข้าจุดรวมพล
เมื่อท่านอพยพหนีออกมานอกตัวอาคารได้แล้ว สิ่งที่ท่านต้องทำต่อไปคือไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ที่จุดรวมพล และรายงานตัวต่อผู้ที่กำลังนับจำนวนคน เพื่อให้ทราบว่าท่านออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้วครับ
ห้ามกลับเข้าไปในอาคารอีก
เมื่อท่านอพยพออกมาได้แล้ว ห้ามกลับเข้าไปในอาคารอีก ไม่ว่าจะเข้าไปช่วยผู้อื่น หรือเก็บสัมภาระของท่านก็ตาม แม้ว่าเพลิงหรือควันดูเหมือนว่าจะดับลงแล้ว เพราะมีโอกาสที่ไฟจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ใหม่ รวมถึงโครงสร้างอาคารอาจจะพังถล่มลงมาได้ครับ

สุดท้ายที่อยากจะย้ำกับทุกท่านอีกครั้งก็คือ ในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ ‘สติ’ คือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดครับ ท่านต้องพยายามตั้งสติให้ดี เพราะต่อให้มีการเตรียมพร้อมรับมือแค่ไหน แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วท่านไม่มีสติก็อาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้ และอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ครับ